ดูช้างให้ดูหาง ถ้าดูยางให้ดูอะไร
ยางรถเป็นอุปกรณ์สำคัญมากชิ้นหนึ่ง ซึ่งให้ทั้งความสะดวก ความสบาย ตลอดจนความปลอดภัยในการขับรถ คือ ตั้งแต่รับน้ำหนักรถ และน้ำหนักบรรทุก ลดแรงกระแทก และการสั่นสะเทือนจากพื้นถนนโดยมีลมข้างในยางเป็นเหมือนตัวกลางที่ลดแรงกระแทกจากสภาพถนนขรุขระ และยังเป็นเป็นตัวกลางที่ถ่ายทอดพลังงานการขับเคลื่อนและการหยุดรถลงสู่พื้นผิวถนน แรงเสียดทานที่เกิดขึ้นระหว่างยางกับพื้นถนนทำให้รถสามารถเคลื่อนตัวหรือหยุดลงได้ และสุดท้าย เมื่อต้องการเปลี่ยนทิศทาง ความยืดหยุ่นของยางทำให้การหมุนพวงมาลัยเป็นไปได้ง่ายขึ้น และรถเปลี่ยนทิศทางไปตามที่ต้องการได้
ยางส่วนที่สัมผัสกับพื้นถนน เรียกว่า หน้ายาง ซึ่งจะมีลวดลายต่างๆ เป็นเส้นหยัก เส้นเหต่างๆ ลายเหล่านี้เรียกว่า ดอกยาง และด้านข้าง หรือแก้มยาง ทั้งหน้ายาง และแก้มยางนี้ มีอะไรหลายอย่างให้เราถอดรหัสเพื่อที่จะหาข้อมูลจำเพาะของยาง และ รู้ถึงสภาพของยางได้ ซึ่งนอกจากจะทำให้เลือกซื้อยางได้ถูกต้องกับชนิดของรถแล้ว ยังช่วยให้เรารู้ว่าเมื่อไรควรเปลี่ยนยาง หรือ สังเกตเห็นความผิดปกติของยาง ซึ่งจะนำไปสู่ความปลอดภัยในการขับขี่รถยนต์ด้วยครับ
เอาล่ะ อารัมภบทมายาวแล้ว เรามาทำความรู้จักกับยางกันเสียทีดีกว่า ข้อมูลจำเพาะของยางจะปรากฏอยู่ที่แก้มยางครับ
สิ่งแรกให้มองหาวงรีที่มีตัวเลขสาม หรือ สี่ตัว อยู่ข้างใน ตัวเลขในวงรีนี้หล่อจากเนื้อยาง ลบไม่ได้ เป็นตัวเลขที่บอกว่ายางเส้นนั้นผลิตขึ้นเมื่อใด

ยางรถยนต์ที่ผลิตก่อนปี ค.ศ. 2000 จะใช้เลข 3 หลัก โดยเลข 2 ตัวแรกบอกสัปดาห์ที่ผลิต และตัวเลขท้ายสุด คือ ตัวเลขสุดท้ายของปี ค.ศ. ที่ผลิต เช่น เช่น 156ก็เป็นยางที่ผลิตสัปดาห์ที่ 15 ของปี 1996 พอถึงปี 2000 จนมาถึงปัจจุบัน ได้เปลี่ยนมาใช้เลขสี่ตัว เพื่อไม่ให้เกิดการสับสนกับยางที่ผลิตก่อนปี 2000 ที่ยังค้างอยู่ในสต๊อก โดยหลักการก็คงเดิม เช่น 2814 หมายถึงผลิตในสัปดาห์ที่ 28 ปี ค.ศ. 2014 ทั้งนี้อาจมียางบางยี่ห้อที่ผลิตสำหรับจำหน่ายในประเทศไทยอาจใช้รหัสต่างออกไป
นอกจากตัวเลขที่ระบุสัปดาห์ และปีที่ผลิตแล้ว ยังมีตัวเลขที่ให้ข้อมูลอื่นๆ อีก เช่น ความกว้างของยาง ค่าความสูงของยาง โครงสร้างยาง ขนาดของล้อ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งผมคงจะไม่นำรายละเอียดมาใส่ไว้ตรงนี้ เพราะมีข้อมูลอยู่ค่อนข้างมาก แต่หากผู้ใดต้องการทราบ คลิกไปดูได้ที่ ลิ้งค์นี้ครับ http://sweet2syrup.blogspot.com/2011/09/blog-post.html ซึ่งให้ละเอียดที่เข้าใจได้ง่ายดีมาก ต้องขอบคุณไว้ ณ โอกาสนี้
นั่นคือข้อมูลจำเพาะของยาง ส่วนการดูสภาพยางว่าสึกหรอไปแค่ไหนแล้ว สมควรเปลี่ยนได้หรือยัง ให้ดูว่ายางมีลักษณะบวมไหม ดูดอกยางว่าสึกมากแค่ไหน ซี่งผู้ผลิตได้กำหนดไว้ว่าให้ดูที่สะพานยางสะพานยาง คือ ส่วนที่นูนขวางพาดผ่านหน้ายาง แล้วสะพานยางอยู่ตรงไหนล่ะ ท่านว่า ให้ไปมองหาตรงส่วนบนสุดของแก้มยาง จะเห็นสัญญลักษณ์ที่ระบุตำแหน่งของสะพานยาง ซึ่งโดยทั่วไป เป็นรูปสามเหลี่ยมยอดชี้ขึ้นทางด้านหน้ายาง หรือ ตัวอักษร TWI เครื่องหมายนี้กระจายอยู่รอบๆ แก้มยาง 6 จุด ห่างกันประมาณ 60 องศา

สะพานยางนี้จะปรากฏอยู่ในร่องยาง (ดูภาพด้านล่างประกอบ) ในยางสภาพใหม่เอี่ยมสะพานยางแต่ละยี่ห้อจะสูงจากพื้นร่องไม่เท่ากัน ซึ่งก็เป็นไปตามความเหมาะสมของยางแต่ละยี่ห้อ แต่ส่วนใหญ่ก็ประมาณ 1.5 ถึง 2 ม.ม. ซึ่งจะต่ำกว่าหน้ายาง ซึ่งพอเราใช้

ยางไปนานๆ หน้ายางก็จะสึกลงจนเรียบเท่ากับสะพานยาง ดังนั้นการจะดูว่าดอกยางหมดหรือยังก็ให้ดูว่า ดอกยางสึกลงไปถึงระดับไหน วิธีที่ปลอดภัย คือ ควรเปลี่ยนยางก่อนที่ยางจะสึกถึงระดับเดียวกับสะพานยางประมาณ 1-2 ม.ม.สำหรับดอกยางที่มีลวดลายของร่องเป็นแนวตรงโดยรอบ ปกติแล้วร่องจะต่อกันตลอดแนว แต่พอดอกยางสึกลงไปจนบางส่วนเท่ากับสะพานยาง จะเห็นร่องยางไม่ต่อกัน แสดงว่ายางเหลือร่องรีดน้ำเตี้ยเกินไปแล้ว ควรเปลี่ยนยางทันที ไม่ควรใช้ยางจนไม่เหลือร่อง คือ ยางหัวล้านไปเลย เพราะจะทำให้ไม่เหลือร่องยางให้รีดน้ำในขณะที่ขับรถในช่วงฝนตก และนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุได้
เรื่องของยางยังไม่จบ แต่คราวหน้าจะเป็นเรื่องอะไร ต้องคอยติดตามนะครับ
ขอบคุณ ข้อมูล และรูปภาพจาก
http://sweet2syrup.blogspot.com/2011/09/blog-post.html
https://cefirodiy4u.wordpress.com/
http://www.ungkimkee.com/link.php?id=124
http://www.michelin.co.th/Buying-Guides/When-to-buy-tyre/index.html
http://financialindependent.blogspot.com/2010/12/check-tyre-manufacture-date-and-its.html
http://thaidriver.com/
|